ราคากาแฟอาราบิกาทำสถิติสูงสุดในรอบ 47 ปี ผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงขึ้นในปีหน้า

ราคากาแฟอาราบิกาบนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศพุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ สร้างความกังวลต่อผู้บริโภคทั่วโลก โดยราคากาแฟอาราบิกาได้พุ่งขึ้นมากกว่า 80% ในปีนี้ ทำลายสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1977 ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เลวร้ายในประเทศผู้ผลิตหลักอย่างบราซิลและเวียดนาม

เหตุใดราคากาแฟถึงพุ่งสูง?

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสาเหตุหลักมาจาก ภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปี ในประเทศบราซิลช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา ตามมาด้วยฝนตกหนักในเดือนตุลาคม ส่งผลกระทบต่อกระบวนการปลูกและดอกกาแฟที่กำลังเติบโต นอกจากนี้ เวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ก็เผชิญปัญหาภัยแล้งและฝนตกหนักเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน ความต้องการบริโภคกาแฟยังคงเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่อย่างจีน ที่ปริมาณการบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ผลกระทบต่อตลาดและผู้บริโภค

ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Tuan Loc Commodities กล่าวว่า ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ เช่น Nestlé และ JDE Peet ที่เคยแบกรับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบลูกค้า กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ หลายแบรนด์กำลังพิจารณาขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ในซูเปอร์มาร์เก็ตในไตรมาสแรกของปี 2025

แบรนด์กาแฟชื่อดังอย่าง Lavazza ยืนยันว่าพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องส่วนแบ่งตลาด แต่ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นทำให้ต้องปรับราคาขาย โดยบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพของกาแฟเป็นหัวใจหลักในการรักษาความไว้วางใจของผู้บริโภค

ทั้งนี้ David Rennie หัวหน้าฝ่ายแบรนด์กาแฟของ Nestlé ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมกาแฟกำลังเผชิญกับ "ช่วงเวลาที่ยากลำบาก" และบริษัทจำเป็นต้องปรับทั้งราคาและขนาดบรรจุภัณฑ์เพื่อรองรับสถานการณ์นี้

แนวโน้มราคาในอนาคต

นักวิเคราะห์จาก S&P Global Commodity Insights ระบุว่า ปริมาณกาแฟในคลังสินค้าของผู้ผลิตและผู้คั่วกาแฟอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ความต้องการบริโภคยังคงเพิ่มสูงขึ้น จึงคาดการณ์ว่าราคากาแฟจะยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะเวลาหนึ่ง

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ดื่มกาแฟทั่วโลกอาจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้น สำหรับเครื่องดื่มแก้วโปรดในอนาคตอันใกล้

อยากดื่มกาแฟหอมกรุ่นง่าย ๆ ที่บ้าน? เลือกกาแฟสำเร็จรูปเนสกาแฟได้เลย! คลิกที่นี่